Cambrian Explosion  การอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งแรกของโลก ที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้

           เมื่อมีการพูดถึงคำศัพท์ที่ว่า Cambrian Explosion  หลายคนอาจจะคิดว่ามันคือการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการระเบิดของดาวหางครั้งใหญ่

แต่อันที่จริงแล้วในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงเรื่องของการเกิดหรือการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องของการเกิดสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ทางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในสมัยเมื่อหลายล้านปีมาแล้วนั้นมนุษย์ยังไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอันดับแรกที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แต่สิ่งมีชีวิตอันดับแรกที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้นั้นกลับกลายเป็นแบคทีเรียชนิดต่างๆนั้นเอง 

        อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเมื่อช่วงประมาณ 540 ล้านปีก่อนอยู่ๆลูกก็มีการเปลี่ยนแปลงและสิ่งมีชีวิตก็มีการอุบัติขึ้นเป็นการวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตแบบก้าวกระโดดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่เคยดำรงชีวิตอยู่ในสมัยยุคโบราณมาการมาก่อนหน้านั้นมันได้มีการวิวัฒนาการโดยตัวของมันเองและเป็นการวิวัฒนาการแบบซับซ้อนจนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน

ซึ่งความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตนั้นก็คือการที่มันเริ่มมีอวัยวะเพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นหูหรือแม้แต่ตา ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเริ่มวิวัฒนาการมีอวัยวะต่างๆเริ่มมากขึ้นจนกลายมาเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เราเห็นกันในตำราหรือแม้แต่ปลาพิพิธภัณฑ์ที่มีการนำซากฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์มาแสดงให้ดูนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์หลายคนได้พยายามค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตหรือการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งแรกของโลก

นั้นมันเกิดมาจากอะไรอะไรเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการให้สิ่งมีชีวิตนั้นมีการพัฒนาการอวัยวะมาใช้และการแปลเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์ในปัจจุบันนี้

แต่นักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้เช่นเดิมซึ่งยังไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถมายืนยันได้ว่าการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งแรกของโลกนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรนักวิทยาศาสตร์ทำได้ก็เพียงเป็นการสมมติฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่พอที่จะสามารถอธิบายสาเหตุของการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตได้นั้นเอง 

            อย่างไรก็ตามสมมติฐานที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับเรื่องของการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการอวัยวะต่างๆของสิ่งมีชีวิตนั้นมีการตั้งสมมติฐานว่ามันน่าจะเกิดมาจากเรื่องที่ระดับของออกซิเจนมีความพอดีกับการใช้ชีวิตทำให้แบคทีเรียต่างๆมีวิวัฒนาการและพัฒนาตัวของมันเอง

หรือแม้แต่ปัจจัยอื่นๆ เช่นการที่โลกมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นสามารถวิวัฒนาการตัวของมันเองเพื่อปรับสภาพให้สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามการที่สิ่งมีชีวิตจะมีชีวิตอยู่ได้บนโลกใบนี้นั้นก็ย่อมจะต้องอาศัยหลายปัจจัยรวมกันเพื่อให้มันดำรงอยู่ได้อย่างแน่นอน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ชุดตรวจ hiv

น้ำมาจากไหน ?  

         น้ำมาจากไหน น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกายมนุษย์ของคนเราซึ่งถ้าหากคนเราขาดน้ำนั้นจะสามารถอยู่ได้เพียงแค่ไม่เกิน 3 วันเท่านั้น

ซึ่งเกิดหลังจากนั้นก็อาจจะทำให้เราช็อคจากการขาดน้ำและเสียชีวิตรายได้ภายในร่างกายของมนุษย์เรานั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะภูมิอากาศแบบไหนอากาศร้อนอากาศเย็นอากาศหนาวหรืออากาศอบอุ่นร่างกายของคุณก็ยังต้องการน้ำ  แทบจะตลอดเวลานั่นเอง

       อย่างไรก็ตามถ้าหากเราจะพูดถึงนั้นซึ่งมีความเกี่ยวพันกับแนวความคิดของนักวิทยาศาสตร์จะมีแนวความคิดที่ลึกซึ้งมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปซึ่งเราถ้าพูดถึงน้ำก็คิดถึงแค่ว่าของเหลวที่เราใช้ในการดื่มกินดับกระหายคลายร้อนแต่ถ้าหากวิทยาศาสตร์มีการพูดถึงน้ำนั้นเขาจะมีการคิดค้นนึกถึงว่าบนโลกใบนี้

มีน้ำเกิดขึ้นมาได้อย่างไรซึ่งถ้าหากว่าใครได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของโลกจะรู้ได้ว่าน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ของโลกใบนี้เพราะผิวโลกนั้นมีน้ำปกคลุมมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวซึ่งที่เหลือนั้นก็เป็นผืนแผ่นดินและภูเขานั่นเอง

         ซึ่งเมื่อเราอยู่นอกโลกแล้วมองเข้ามาที่โลกจะเห็นได้ว่าโลกของเรานั้นเป็นสีน้ำเงินนั่นก็เพราะว่าเป็นสีของน้ำนั้นเองทำให้โลก

จึงถูกเรียกว่าดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงเกิดความสงสัยว่าน้ำมากกว่า 70% ของพื้นผิวโลกนี้มาจากไหนซึ่งมันไม่น่าจะเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงยุคแรกๆของการเกิดโลกใบนี้จึงเป็นที่มาของการคิดค้นและหาคำตอบ

          เพราะนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าในยุคแรกๆที่โลกกำเนิดขึ้นมานั้นโลกน่าจะเป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเพียงเท่านั้นซึ่งน่าจะเต็มไปด้วยหินธรรมดาหรือแร่ธาตุเพียงเท่านั้นเอง จึงไม่น่าที่จะมีน้ำเกิดขึ้นมาเองได้ และเพื่อเป็นการหาคำตอบนี้เองนักวิทยาศาสตร์จึงได้มีการตั้งทฤษฎีต่างๆขึ้นมามากมายเพื่อนำทฤษฎีต่างๆนั้นมารองรับความสงสัย

          สำหรับทฤษฎีที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือมากที่สุดนั่นก็คือทฤษฎีที่มีดาวเคราะห์น้อยมาพุ่งชนโลก และดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวนั้นมีน้ำในปริมาณมหาศาลอยู่ในดาวดวงนั้นด้วยเมื่อพุ่งมาชนโลกก็ทำให้ดาวเคราะห์น้อยน้ำแตกกระจายและน้ำก็ตกลงมายังโลกนั่นเอง แล้วเมื่อนั้นมาอยู่ที่โลกเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เอออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือต้นไม้ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดการเกิดน้ำขึ้นมาบนโลกมนุษย์เอง 

    อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงแค่แนวความคิดและทฤษฎีเพียงเท่านั้น เพราะจนมาถึงทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังหาข้อสรุปของการเกิดน้ำบนโลกใบนี้ในปริมาณที่มากแบบนี้ไม่ได้เลย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    หวยออนไลน์บาทละ 1000

สร้างคลังความจำของคุณเอง

สร้างคลังความจำของคุณเอง เราทราบกันดีว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เราไม่สามารถที่จะบ่งบอกได้ว่าสิ่งใดมีความน่าสนใจหรือสิ่งใดที่ไม่ควรให้ความสนใจ 

แน่นอนบนโลกของเรามีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นที่เรายังไม่ได้รับรู้  ก็มีมากมาย  เรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น มันเกี่ยวข้องกับการสร้างคลังความจำด้วยตัวของคุณเอง  การสร้างคลังความทรงจำต่างๆจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนไปทำความรู้จักเกี่ยวกับมันกัน 

หลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ที่เราอยากให้ทุกคนได้รับรู้กัน และแน่นอนว่าเรื่องราวที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้สึกในวันนี้นั้น ทุกสิ่งที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ในการคิดและในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่าคนอื่น และนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ Sherlock Holmes ด้วย

อย่างไรก็ตามทำไมเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึง มันถึงเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรากำลังศึกษา แล้วมันจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เราไปทำความรู้จักมันพร้อมกันเลยดีกว่า การสร้างคลังความจำของตนเอง และนี่เกี่ยวกับ Sherlock Holmes อีกครั้งคุณจำได้ไหมว่าเราสามารถเข้าไปอยู่

ในคลังความจำของเราเองได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง การหาข้อมูลที่จำเป็นในการเชื่อมโยงบางสิ่งกับสถานที่บางแห่ง ตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณอยู่ในห้องของคุณและพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้กับบางสิ่งในห้องของคุณ ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง

แน่นอนสิ่งที่คุณเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ต้องทำแบบนี้ดู  แบ่งเนื้อหาทั้งหมดที่คุณต้องทำออกเป็นส่วน ๆ การเรียนรู้ในการแบ่งเนื้อหาออกมาเป็นส่วน ๆ หากจะมองในมิติของระบบการจดจำ ก็น่าจะเป็นระบบการจดจำที่ดี และวิธีนี้จะทำให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ไม่จมหรือไม่น่าเบื่อ

มันจะเชื่อมโยงกับความทรงจำอื่นๆ เช่น กลิ่นของสถานที่ หรือสิ่งที่เราได้พบเห็น และแน่นอนนอกจากเรื่องที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น  เกี่ยวกับเคล็ดลับในการจดจำ  สิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่าคนอื่นนั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

  อย่างไรก็ตามทำไมเราถึงบอกว่ามันมีความน่าสนใจ เพราะว่ามันจะทำให้การเรียนรู้ของเรามีความสนุกเพิ่มมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเรารู้เคล็ดลับว่า ทำยังไงเราถึงจะจำสิ่งต่างๆได้เร็วแล้วก็สามารถทำได้นาน นอกจากเรื่องราวดังกล่าวนี้ มันก็ยังมีทฤษฎีอื่นอีกมากมาย ที่เรานำมาใช้ในการจดจำ

ซึ่งถ้าหากคุณลองคิดสิ่งใหม่ๆ ศึกษาเคล็ดลับใหม่ๆดู ก็สามารถที่จะทำความรู้จักและหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ผ่านอินเตอร์เน็ต

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    huaydee

ทฤษฎีการรบกวน

ทุกอย่างบนโลกใบนี้มีความแตกต่างกันออกไป  จนเราเองก็ไม่สามารถที่จะศึกษาและทำความรู้จักเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามสำหรับสิ่งที่เรากำลังจะพาทุกคน ไปทำความรู้จักในวันนี้เป็นเรื่องราวใกล้ตัว ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน

  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่าคนอื่น พูดง่ายๆก็คือ เคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆนั้นเอง แน่นอนสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือทฤษฎีเกี่ยวกับการรบกวน จะมีความน่าสนใจแค่ไหนไปทำความรู้จักเกี่ยวกับมันกัน 

ทฤษฎีการรบกวน เรื่องราวที่น่าสนใจที่เรากำลังจะพาทุกคน ไปทำความรู้จักในวันนี้นั้นเป็นเรื่องราวที่ใครหลายคนอาจจะไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ซึ่งสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงเป็นเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้เร็วมากกว่า    คนอื่น

การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆนั้นจำเป็นที่เราจะต้องศึกษาไว้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกาย  หรือข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ แน่นอนว่ามันมีบางอย่างที่เราจำได้แล้ว  ก็มีบางอย่างที่เราจำไม่ได้  ซึ่งเคล็ดลับนั้นก็ยิ่งมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณพยายามเข้าใจสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ การเรียนรู้ข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ซึ่งข้อมูลที่จำเป็นที่สุด ก็คือข้อมูลในตอนต้นและตอนท้ายนั้นเอง และอีกหนึ่งสิ่งที่เราจะไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้  ก็คือทฤษฎีการรบกวน  ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวนี้มันจะเป็นเคล็ดลับในการจดจำสิ่งต่างๆให้ได้รวดเร็วขึ้น

แน่นอนหากการเรียนรู้มีการเปลี่ยนแปลง จากความสนใจจากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง จากกิจกรรมหนึ่งไปอีกกิจกรรมหนึ่ง ตัวอย่างเช่น คนกำลังเตรียมการบรรยายในที่สาธารณะ คุณจำสิ่งที่ต้องพูดมัน 15 นาที  แต่เมื่อถึงเวลาพักแน่นอนก็เป็นช่วงที่ความสนใจของผู้ฟังอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว

จากนั้นผู้คนมักจะหยุดหายใจไป ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือเปลี่ยนไปสนใจสิ่งที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง  เช่น เล่นกีต้าร์ หรือดูวีดีโอ หรืออะไรที่ไม่ใช้สาระเนื้อหาที่อยู่ในขอบเขตการบรรยาย  การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไม่ใช่ว่าเราจะสามารถจดจำได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับมันได้ แน่นอนว่าเราไม่มีการนำเอาสิ่งต่างๆที่เราศึกษามาใช้ 

ในตอนแรกอาจจะจำได้แต่พ่อผ่านไปไม่นาน เรากลับลืมมัน  สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงจำเป็นที่ต้องมีการรื้อฟื้นใหม่อยู่ตลอดเวลา  ซึ่งสาเหตุ  ก็มาจากการที่เราไม่ได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นออกมาใช้ หรือว่าพูดถึงเกี่ยวกับมันเลย  อย่างไรก็ตามมันยัง   มีอะไรอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับการจดจำ  ที่เรายังไม่ได้พูดถึงและอยากให้ทุกคนได้ลองศึกษาต่อเป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย    alpha88

คุณชอบทานช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจ

คุณชอบทานช็อกโกแลต เรื่องราวที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นมาบนโลกของเรานั้น  มีอยู่มากมายหลากหลายเรื่องราวและแน่นอนว่าสิ่งที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับช็อกโกแลต 

เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงจะชอบช็อกโกแลตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรสชาติของช็อกโกแลตนั้น ก็มีรสชาติที่ต่างกันออกไป แล้วแต่ยี่ห้ออะไรก็ตาม ในวันนี้จะพูดถึงเรื่องการรับประทานช็อกโกแลต  มันจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนแน่นอนวันนี้เราไปทำความรู้จักกันพร้อมกันเลยดีกว่า 

เรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นั้น  มีข้อสรุปที่นักวิจัยได้บันทึกการค้นพบและสามารถสรุปเป็นแนวคิด  มันเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณเป็นคนฉลาด

  แน่นอนสิ่งที่ตัวเองคิด มันเป็นเรื่องสัญญาณ และเรื่องดังกล่าวนี้ก็ไม่ใช่สัญญาณที่ไกลตัวของเราเท่าไหร่นัก  เพราะว่ามันล้วนเกี่ยวข้องกับอาหารการกิน ซึ่งสิ่งที่เรากินไปและเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า  เราเป็นคนฉลาดนั้น ก็คือการรับประทานช็อกโกแลต เป็นชีวิตจิตใจนั่นเอง

Doctor ท่านหนึ่งที่มีแนวโน้มว่า จะเป็นคนที่ชอบช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจมากที่สุด 

ได้ตีพิมพ์ ผลการศึกษาของเขา ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ เขาพยายามเชื่อมโยงความเป็นอัจฉริยะ โดยอัจฉริยะผู้ชนะรางวัลโนเบล กับผู้คน 10 ล้านคน โดยปริมาณช็อกโกแลตที่บริโภคในบางประเทศ

และเขา ก็พบว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งทะเล  มีระดับอัจฉริยะสูงมากในการจัดอันดับนี้  แต่ก็ยังไม่น่าประหลาดใจ ในประเทศสวีเดน เดนมาร์ก และนอร์เวย์  ก็ได้อันดับที่ดีเช่นกัน  แม้ว่าหลายคน  จะพบว่าผลการศึกษานี้  มีข้อถกเถียงอยู่มากแต่เราก็ยังอยากที่จะเชื่อข้อสันนิษฐานนี้  เราชอบทานช็อกโกแลตมาก  ยิ่งไปกว่านั้นและยังช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางปัญญาของคุณ 

และคุณชอบทานช็อกโกแลตและทานในปริมาณที่เหมาะสม  ช็อกโกแลตก็จะไม่ส่งผลเสียใดต่อความจำ  สิ่งที่คนหนึ่งพูดเอาไว้สิ่งดีๆที่ได้รับมากเกินไป  ก็จะกลายเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม  อย่างไรก็ตามช็อกโกแลตนั้น มีประโยชน์มากมายก็จริง   แต่ถ้าหากว่าเราทานในปริมาณมาก  มันก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราด้วยเช่นเดียวกัน  เราทราบว่าอะไรที่บริโภคไปในปริมาณมากเกินไป

ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายได้  ดังนั้นแล้วเราควรที่จะศึกษาหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่เรานั้นยังไม่ได้กล่าวถึง  ในเรื่องราวข้างต้น  อย่างไรก็ตามช็อกโกแลตนั้นมีประโยชน์มากมายก็จริง  แต่ถ้าหากว่าเราทานในปริมาณมากมันก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราด้วยเช่นเดียวกัน  เพียงดังนั้นแล้วเราควรที่จะศึกษาว่ากินช็อกโกแลตเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม แต่มีนักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกประโยชน์มากมายที่ควรทราบเกี่ยวกับช็อกโกแลต แน่นอนทุกอย่างต้องศึกษาข้อมูลรอบด้าน จึงจะรู้คุณและโทษอย่างแท้จริงนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  หวยดี

ยุโรปเตรียมส่งยานสำรวจดวงจันทร์น้ำแข็ง 3 ดวง เป็นดาวบริวาลของพฤหัสบดี

สำหรับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งวันนี้เรามีภารกิจของจีนและทางยุโรปที่พยายามที่จะส่งยานขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ว่าตอนนี้มีความคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหนอย่างภารกิจของจีนที่เขาได้ทำการส่งยานสำรวจดวงจันทร์ที่มีชื่อว่า กระต่ายหยก 2 ก็คือตั้งใจจะไปสำรวจบริเวณด้านปลายของดวงจันทร์

ยุโรปเตรียมส่งยานสำรวจดวงจันทร์ ปรากฏว่าไปค้นพบวัตถุที่เป็นทรงกลมแล้วก็โปร่งแสงด้วยและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึง 2 ลูกด้วยกันซึ่งมันเลยกลายเป็นความหวังครั้งใหม่ขึ้นมาตรงนี้อาจจะเป็นหลักฐานที่ทำให้สามารถค้นพบแล้ว

ก็ย้อนไปถึงยุคแรกๆของดวงจันทร์ได้เลยทีเดียวทีนี้พอพูดถึงดวงจันทร์นอกจากนี้เรามาดูอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญขององค์การอวกาศของยุโรปที่เตรียมส่งยานไปสำรวจในปีหน้าปี2566 เพื่อไปสำรวจดวงจันทร์น้ำแข็ง 3 ดวงที่เป็นดาวบริวาลของพฤหัสบดีเพื่อไปดูว่าจะมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่หรือว่ามีมหาสมุทรซ่อนอยู่ในพื้นที่ใต้น้ำแข็งของดาวบริวาลดาวพฤหัสบดีด้วยหรือไม่

ซึ่งถ้าหากเจอแหล่งน้ำก็มีความเป็นไปได้ว่าพอมีน้ำแล้วอาจจะมีสิ่งมีชีวิตซ่อนอยู่นอกโลกก็เป็นไปได้เรื่องราวในอวกาศไม่ได้ไกลเกินฝันไม่ไกลเกินความจริงอีกต่อไปอย่างล่าสุดเป็นความพยายามที่จะไปสำรวจดวงจันทร์แล้วก็ไปศึกษาถึงดาวพฤหัสบดีที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นด้วย

องค์การอวกาศของยุโรปเตรียมที่จะส่งยานที่จะไปศึกษาดาวพฤหัสบดีรวมถึงดาวจันทร์น้ำแข็ง 3 ดวง มีชื่อว่า ยูโรปา แกนีด แคลิปโต ซึ่งยานจตะทำหน้าที่ไปค้นหามหาสมุทรขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าอาจจะฝังอยู่ใต้เปลือกของดวงจันทร์ที่เป็นบริวานของพฤหัสบดีทั้ง 3 ดวง

ภารกิจสำรวจอวกาศในครั้งนี้ก็จะช่วยขยายในข้อจำกัดในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกแล้วก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตซุกซ่อนอยู่ในมหาสมุทรใต้เปลือกน้ำแข็งหนาก็เป็นไปได้ก็มองว่าดวงจันทร์น้ำแข็งขนาดใหญ่ทั้ง 3 ดวงของดาวพฤหัสบดีนี้ล้วนที่จะมีสัญญาณบ่งชี้ว่ามันอาจจะมีมหาสมุทรอยู่ใต้เปลือกดาวก็เป็นไปได้เหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ซึ่งเขาได้ให้ความสำคัญไปที่ยูโรปาโดยดวงจันทร์ที่น้ำแข็งยูโรปานี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3,000 กิโลเมตร มีบรรยากาศที่เบาบางจะประกอบไปด้วยออกซิเจนซะส่วนใหญ่เลยพื้นผิวที่เป็นน้ำแข็งแล้วก็จะมีความเรียบมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียวจะประกอบไปด้วยรอยแตกมีเส้นริ้วบางๆมีหลุมอุกกาบาตอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นทีนี้พื้นผิวที่มันดูเรียบและดูใหม่แบบนี้ก็เลยเกิดเป็นสมมุติฐานตามาว่ามันอาจจะมีมหาสมุทรอยู่ข้างใต้หรือเปล่าที่อาจจะสามารถเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตต่างดาวได้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ubett

ไม่แน่ในอนาคตนักวิทยาศาสตร์อาจจะสร้างมนุษย์ให้กลายเป็นอมตะก็ได้

     อนาคตนักวิทยาศาสตร์  เชื่อว่าหลายคนนั้นคงอยากมีชีวิตที่เป็นอมตะไม่อยากแก่ไม่อยากตายซึ่งแน่นอนว่าชีวิตที่เป็นอมตะสำหรับมนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งที่ไกลตัวเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่ามันไม่สามารถที่จะเป็นไปได้ซึ่งตามหลักความเป็นจริงของทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่มีวิธีการไหนที่จะสามารถทำให้มนุษย์กลายเป็นอมตะได้เลย  สำหรับชีวิตที่เป็นอมตะนั้นส่วนใหญ่เราจะเห็นจากการ์ตูนหรือแม้แต่นิยาย

ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกแวมไพร์หรือแม่มดเท่านั้นที่สามารถเป็นอมตะได้ เราจึงได้แค่คาดหวังว่าสักวันหนึ่งน่าจะมีวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่จะสามารถทำให้คนเรานั้นสามารถมีชีวิตที่เป็นอมตะได้เช่นเดียวกันกับในหนังนั่นเอง 

              อย่างไรก็ตามได้มีนักอนาคตศาสตร์ของโลกซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับโลกอนาคตและการเป็นอมตะว่าในอนาคตซึ่งอาจจะอีกไม่นานนี้โดยคาดการณ์ว่าในอนาคตอาจจะมีวิทยาการชั้นสูงหรือเทคโนโลยีชั้นสูงที่จะสามารถสร้างโอกาสให้คนเราสามารถมีชีวิตที่เป็นอมตะได้ซึ่งคนที่จะมีชีวิตที่เป็นอมตะได้นั้นน่าจะเป็นคนที่เกิดในช่วงยุคประมาณปีคศ 1970 เป็นต้นไป

ศูนย์สาเหตุที่นักอนาคตศาสตร์ชื่อดังก้องโลกได้ออกมาพูดถึงประเด็นเรื่องของการทำให้มนุษย์กลายเป็นอมตะได้นั้นเพราะเขาเชื่อมั่นว่าในอีกหลาย 10 ปีข้างหน้านี้นักวิทยาศาสตร์จะมีวิทยาการที่ก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและจะมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาที่มันจะสามารถทำให้มนุษย์เราไม่แก่ไม่ตายไม่เจ็บและกลายเป็นอมตะได้นั่นเอง  

                 สำหรับนักอนาคตศาสตร์ที่ออกมาพูดถึงเรื่องของการเป็นอมตะของมนุษย์โลกนั้นก็คือด็อกเตอร์เอียน พาสัน เขาเป็นนัก อนาคตภาษาที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเนื่องจากว่าเขานั้นค่อนข้างที่จะมีการทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ

แล้วทุกครั้งที่ได้ออกมาทำนายนั้นเกิดขึ้นจริงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ซึ่งถือว่าเป็นนักอนาคตศาสตร์ที่เชื่อถือได้คนหนึ่งโดยเขาได้กล่าวไว้ว่า ณ ปัจจุบันนั้นโลกของเรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นมากมายมีวิทยาการล้ำหน้าและเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีจะทำให้หลายสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เป็นจริงขึ้นมาได้

        โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมระดับเซลล์ที่จะสามารถทำให้ร่างกายมนุษย์นั้นอ่อนไหวขึ้นอาจจะการผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือการสร้างอวัยวะใหม่และการปลูกถ่ายอย่างแนบเนียน  huaydee   ทดแทนอวัยวะเก่าที่ใช้งานไม่ปกติหรือเสื่อมสภาพ  นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่าเขาเชื่อว่าชีวิตมนุษย์ขึ้นอยู่กับจิตใจนึกคิดร่างกายเป็นเพียงกลไกที่จิตสำนึกสั่งให้ทำ

          ดังนั้นในอนาคตอาจจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการบันทึกประจำวันของมนุษย์ลงเอาไว้บน Cloud ซึ่งเมื่อร่างกายโรยราลงไปแต่จิตสำนึกยังอยู่ก็เหมือนว่าคนคนนั้นยังไม่ไปไหนและจะมีโอกาสในการอัพโหลดจิตสำนึกขึ้นบนคราวนั้นลงไปเก็บเอาไว้ใน Android หรืออาจจะเก็บไว้ในหุ่นยนต์ขึ้นมาให้เหมือนคนก็จะเหมือนกับว่าคนคนนั้นยังอยู่ตลอดไป  

ทำไมมนุษย์ไม่กินหญ้า 

        ทำไมมนุษย์ไม่กินหญ้า     สำหรับบางคนอาจจะเคยสงสัยว่าทำไมสัตว์ประเภทช้างม้าวัวควายสัตว์เหล่านี้ซึ่งสามารถกินหญ้าได้แต่ทำไมมนุษย์ถึงไม่กินหญ้าแต่จะเลือกกินผักบางชนิดเท่านั้น  หากไม่มีการศึกษาข้อมูลตามหลักทางวิทยาศาสตร์แล้วก็จะพบว่าย่าที่อยู่ตามพื้นนั้น

ก็ถือว่าเป็นอาหารอย่างหนึ่งเหมือนกันแต่เป็นอาหารเฉพาะสัตว์บางชนิดเท่านั้นไม่สามารถที่จะมาเป็นอาหารให้กับคนหรือมนุษย์ได้รวมถึงไม่เหมาะกับการกินเป็นอย่างมาก

          สำหรับสาเหตุที่สำคัญที่คนเราไม่กินหญ้านั่นก็เพราะว่าอวัยวะภายในร่างกายของมนุษย์กับสัตว์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างเช่นร่างกายของวัวนั้นจะมีการเจริญเติบโตได้ดีถ้าหากว่ามีการกินยาเข้าไปเพราะภายในร่างกายของวัวนั้นจะมี กลไกการทำงานภายในที่จะสามารถดึงสารอาหารหรือรับสารอาหารจากย่ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ในขณะเดียวกันถ้าหากเป็นมนุษย์นั้นจะไม่สามารถทำได้เหมือนกับวัวหรือม้านั่นเอง

         อย่างไรก็ตามคำตอบนี้จะเห็นได้ว่าการที่มนุษย์เราไม่สามารถกินหญ้านั่นได้นั้นก็เพราะว่ามันมีความแตกต่างของร่างกายระหว่างสัตว์กับมนุษย์นั่นเองซึ่งความแตกต่างมีเองเป็นการสร้างขึ้นมาเองจากกลไกธรรมชาติซึ่งเราไม่สามารถที่จะทำการแก้ไขได้

สำหรับกระเพาะอาหารของมนุษย์นั้นมันไม่สามารถที่จะไปทำการย่อยหญ้าได้ในขณะที่สัตว์น้ำมีกระเพาะอาหารถึง 4 กระเพาะด้วยกันและมันสามารถที่จะทำการย่อยหญ้าเหล่านั้นและดึงสารอาหารจากแยกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าเกิดว่ามนุษย์เรานั้นกินยากเข้าไปแทนที่จะได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์นั้นก็อาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นอาจจะท้องเสีย

หรือคลื่นไส้หรือบางคนอาจจะเสียชีวิตได้สองฝ่ายซึ่งแน่นอนว่ามันแตกต่างจากสัตว์เป็นอย่างมากเลยทีเดียวและสัตว์นั้นสามารถที่กินหญ้าได้แล้วก็ย่อยหญ้าได้อย่างง่ายดายนั้นเองเพราะสัตว์เหล่านี้จะมีกระเพาะอาหารซึ่งประกอบไปด้วยภายในนั้นจะมีจุลินทรีย์และเอนไซม์ที่แตกต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิงดังนั้นและทรายที่อยู่ในสัตว์นั่นเองที่สามารถที่จะทำการย่อย หญ้าแล้วดึงสารอาหารจากหญ้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์

           นอกจากนี้ ถ้าหากมีการแจกแจงเกี่ยวกับสารอาหารที่อยู่ภายในหน้านั้นจะรู้ดีว่าญาติไม่มีส่วนประกอบของสารอาหารชนิดหนึ่งนั่นก็คือซิลิก้านั่นเอง ซึ่งสารชนิดนี้จะส่งผลทำให้สารเคลือบฟันของเรานั้นถูกกัดกร่อน ดังนั้นสิ่งต่างๆที่มีการกล่าวมาข้างต้นไม้เองที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่ามนุษย์เรานั้นไม่สามารถที่จะกินหญ้าได้และไม่ควรกินหญ้าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนโดย.    หวยดี

ประเทศจีนยึดดวงจันทร์หวังเป็นมหาอำนาจทางอวกาศ

ประเทศจีนยึดดวงจันทร์ ในสมัยก่อนได้มีการนำเอานักบินอวกาศมีการนำเอายานขึ้นไปสำการสำรวจบนพื้นผิวของดวงจันทร์แล้วก็ประเทศล่าสุดที่ได้มีปฏิบัติการเหมือนๆกันก็คือประเทศจีนนั่นเองเขากำลังพยายามที่จะก้าวขึ้นไปสู่การเป็นผู้นำในวงการด้านอวกาศ

โดยในภารกิจส่งยานอวกาศขึ้นไปสำรวจพื้นผิวบนดวงจันทร์หรือว่าชั้นบรรยากาศได้เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้วและได้มีการดำเนินโครงการของรัฐบาลจีนเขาได้วาง งบประมาณเอาไว้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐวางระยะเอาไว้ประมาณ4เฟส

ซึ่งในเฟสแรกได้ทำสำเร็จไปแล้วก็คือการไปโคจรรอบดวงจันทร์ในส่วนของปฏิบัติการของยาน ฉางเอ๋อ-1 ตั้งแต่ปี2550 เมื่อ10กว่าปีก่อนจนกระทั่งครั้งที่สองได้เป็นยาน ฉางเอ๋อ-2 เมื่อปี2553  ถัดมาอีก3ปี ก็มีการส่งยานขึ้นไปซ้ำอีกแล้วก็เฟสที่สองทำสำเร็จเรียบร้อยเช่นเดียวกันก็คือการส่งยานอวกาศที่ชื่อวาส ฉางเอ๋อ-3 ไปลงจอดและก็สำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ตั้งแต่เมื่อปี2556

นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคมปี2562ประเทศจีนเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการส่งยานอวกาศ ฉางเอ๋อ-4 ได้ไปลงจอดในจุดที่เป็นฝั่งไกลของดวงจันทร์สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลกเพราะฉะนั้นตรงนี้เขามีการเทียบวงโคจรต่างๆคือคำว่าไปสำรวจฝั่งไกลก็คือมนุษย์เวลาที่จะส่งยานอวกาศจะมีการคำนวณวงโคจรเพื่อที่จะไปลงจอดพื้นผิวดวงจันทร์ในจุดที่ใกล้ที่สุด

ดังนั้นแล้วมันยังไม่มีมนุษย์ส่งยานไปสำรวจฝั่งไกลที่อยู่อีกฝั่งได้อย่างสำเร็จแต่ว่าในส่วนของประเทศจีนเขาทำสำเร็จมาสำหรับปฏิบัติการ ฉางเอ๋อ-4 แต่ทีนี้มาถึงปีนี้เรากลังพูดถึงปฏิบัติการของยานล่าสุด ฉางเอ๋อ-5 ก็คืออยู่ในเฟสที่3 ในการที่จะขึ้นไปบนดวงจันทร์เพื่อที่จะเก็บเอาวัตถุบางอย่างโดยเฉพาะหินแล้วก็แร่ต่างๆให้ได้อย่างน้อยๆสองกิโลกรัม

เนื่องจากนี้มันก็ได้เป็นเป้าหมายที่ทางการรัฐบาลจีนเขาได้ตั้งเอาไว้ถามว่าจะเอาวัตถุพวกนี้มาทำอะไรมาศึกษาต่อเพื่อที่จะดูความเป็นไปได้ว่าบนพื้นผิวของดวงจันทร์นั้นมันมีโอกาศที่จะมีสิ่งมีชีวิตหรือเปล่าแล้วก็ที่มาของดวงจันทร์นั้นย้อนกลับไปเกิดขึ้นจากอะไร

ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ4ทศวรรษเลยที่ได้ปฏิบัติภารกิจเก็บวัตถุตัวอย่างแร่หินจากพื้นผิวของดวงจันทร์อยู่ในระยะเฟสที่3 แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เขาได้แบ่งออกมาเป็น4เฟสด้วยกันหรือว่า4ระยะเฟสสุดท้ายเป้าหมายไกลของรัฐบาลจีนก็คือการไปสร้างสถานีวิจัยโดยบนนั้นจะถูกบริหารไม่มีมนุษย์แต่จะส่งหุ่นยนต์หรือว่าการทำงานด้วยระบบaiให้เข้าไปตั้งสถานีวิจัยบริเวณใกล้ขั้วใต้ของดวงจันทร์ในช่วงปี2566อีกประมาณ3-4ข้างหน้า

 

สนับสนุนโดย.    aesexy

สหรัฐ-อังกฤษ ออกมาประณามรัสเซียการทำลายดาวเทียม

โดยสถานีissนั้นโคจรที่ความสูงประมาณ420กิโลเมตรเหนือพื้นโลกแต่ว่าหน่วยงานการบินอวกาศของรัสเซียได้มีการตอบโต้สหรัฐโพสข้อความบอกว่า วงโคจรของเศษซากดาวเทียมที่ทำให้นักบินอวกาศบนissต้องย้ายเข้าไปอยู่ในยานอวกาศนั้นเป็นมาตราฐานความปลอดภัยปกติแล้ววงโคจรของเศษซากดาวเทียมเหล่านั้นลอยห่างออกไปจากวงโคจรของissแล้ว

เพราะฉะนั้นถือว่าตอนนี้issอยู่ในโซนที่ปลอดภัยแล้วนั่นเองส่วนดาวเทียมของรัสเซียที่ถูกทำลายไปในครั้งนี้ใช้ชื่อว่าฮอดพอส1408เป็นดาวเทียมเก่าของรัสเซียเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี1982หรือประมาณเกือบ40ปีก่อนแล้วก็ได้หยุดการทำงานไปหลายปีแล้วด้วย

นอกจากนี้สำนักข่าวได้มีรายงานวิเคราะห์ว่าเอาเข้าจริงๆแล้วหลายๆประเทศอย่างเช่นสหรัฐ รัสเซียจีน อินเดีย มีศักยภาพในการโจมตีดาวเทียมได้จากการภาคพื้นดินอยู่แล้วได้มีการยิงทดสอบอย่างสหรัฐเริ่มทดสอบยิงขีปนาวุธต้านดาวเทียมตั้งแต่ปี1959

ตอนนั้นดาวเทียมถือว่าเป็นเรื่องใหม่มีไม่ยอมส่วนในปี2007จีนก็ได้มีปฏิบัติการทำลายหนึ่งในดาวเทียมที่ไม่ใช้งานแล้วแล้วทำให้เกิดขยะอวกาศมากกว่า2,000ชิ้นแล้วก็เป็นอันตรายต่อการปฏิบัติการสำรวจอวกาศต่างๆไม่ใช่เฉพาะต่อภาระกิจของจีนเองด้วย 

ในขณะที่ในปี2019อินเดียเองก็เคยยิงทำลายดาวเทียมของอินเดียดวงหนึ่งที่ได้อยู่ในวิถีการโคจรต่างๆโดยได้ยิงด้วยขีปนาวุธสู่อวกาศส่วนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารัสเซียก็มีการยิงทดสอบขีปนาวุธต้านดาวเทียมไปแล้วด้วยเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามการยิงทดสอบขีปนาวุธต้านดาวเทียมและการทำลายดาวเทียมนั้น

ซึ่งในทุกๆครั้งที่เกิดเหตุก็จะมีการประณามกันมาตลอดเลยว่ามันทำให้เกิดมลพิษต่อสภาพแวดล้อมบนอวกาศสำหรับทุกคน นอกจากนี้ยังได้เกิดการตั้งคำถามถึงความยั้งยืนในระยะยาวของปฏิบัติการบนอวกาศที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆต่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์

โดยไม่ว่าจะเป็นกิจการธนาคารและก็บริการGPSในขณะเดียวกันอวกาศเองตอนนี้อย่างที่บอกก็กลายเป็นหนึ่งในสมรภูมิสำคัญแล้วและมีความสำคัญมาขึ้นเรื่อยๆในยุทธการ การทำสงครามอย่างเช่นของกองทัพสหรัฐเองพึ่งพาดาวเทียมมากขึ้นเรื่อยๆในการจับตาภาพเคลื่อนไหวบนภาคพื้นดิน

อย่างเช่นการชี้เป้ายุทโธปกรณ์ที่ผ่านเลเซอร์และดาวเทียมอวกาศตลอดจนไปถึงการใช้จับตาการปล่อยขีปนาวุธต่างๆแล้วก็ติดตามแสนยานุภาพของขีปนาวุธที่ได้ปล่อยออกไปด้วย เพราฉะนั้นแล้วเราจะเห็นได้เลยว่าในตอนนี้สมรภูมิก็ขยับไปที่อวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่ายังโชคดีที่ในครั้งนี้ในท้ายที่สุดแล้วนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติยังปลอดภัยดีและนักบินอวกาศไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดปลอดภัยดีในชั้นบรรยากาศ

 

สนับสนุนโดย.    3 ตัว บาทละ 1000