เมื่อประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หันหลังให้กันอย่างถาวร

เมื่อประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หันหลังให้กันอย่างถาวรจะมีผลต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหรือไม่

            ทุกคนทั่วโลกทราบปัญหาของประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ดีว่าทั้งสองประเทศ นั้นมีปัญหากันมานานแล้วซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งสองประเทศนั้นมักจะหันหลังให้แก่กันและไม่ยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนซึ่งภายหลังได้มีการพยายามที่จะหันหน้าเข้ามาคุยกันและพยายามติดต่อสื่อสารกันโดยผู้นำทั้งสองประเทศนั้น

ก็มีการนัดเจรจาพูดคุยกันเป็นระยะโดยหวังว่าจะสามารถให้ทั้งสองประเทศนั้นสามารถกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวของประเทศเกาหลีเหนือได้มีการพูดถึงเรื่องของปัญหาที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประสบการณ์มาอย่างยาวนานได้ก็คือเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มประชาชน

บางกลุ่มที่มีการต่อต้านประเทศเกาหลีเหนือโดยก่อนหน้านี้การต่อต้านเกาหลีเหนือนั้นก็มีมานานแล้วและทางรัฐบาลเกาหลีใต้เองก็ได้มีการออกมารับปากว่าจะมีการดูแลเกี่ยวกับเรื่องของประชาชนที่ออกมาต่อต้านเกาหลีเหนือแต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ายังมีประชาชนบางกลุ่มของเกาหลีใต้นั้น

ได้ยังมีการต่อต้านเกาหลีเหนืออย่างเห็นได้ชัดโดยพวกเขามีการนำใบปลิวซึ่งรายละเอียดของใบปลิวนั้นเป็นเขียนการต่อต้านเกาหลีเหนือไปแจกจ่ายให้คนทั่วไปรวมถึงยังมีการนำสิ่งสกปรกอย่างเช่นพวกขยะต่างๆที่เข้ามาในเขตของเกาหลีเหนือทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือนั้นไม่พอใจและมีการพูดคุยกับผู้นำของเกาหลีใต้มาแล้วโดยมีการยื่นคำขาดว่าหากยังไม่สามารถควบคุมประชาชนของตนเอง

ได้นำเกาหลีเหนือเองก็จะมีการระงับการติดต่อกับทางเกาหลีใต้อย่างสิ้นเชิงแต่อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้เองประมาณสิ้นเดือนพฤษภาคมปีพศ2563 ที่ผ่านมาได้มีเอกสารที่เป็นใบปลิวซึ่งจะเป็นเอกสารการต่อต้านเกาหลีเหนือผูกติดกับลูกโป่งให้ลอยเข้าไปในพื้นที่ของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นสัญญาณที่ทำให้เกาหลีเหนือนั้นสิ้นสุดความอดทนจึงได้มีการประกาศออกมาว่าทางเกาหลีเหนือนั้น

จะยุติการติดต่อกับทางเกาหลีใต้อย่างสิ้นเชิงและแน่นอนว่าข้อมูลการประกาศนี้ถูกประกาศออกมาจากทางน้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือนั่นก็คือนางคิมโยจอง   นั่นเองอย่างไรก็ตามมีการระบุเอาไว้ว่าจะมีการยุติการติดต่อสื่อสารกับทางเกาหลีใต้ในวันที่ 9 มิถุนายนปีพศ2563 นี้

ซึ่งต้องมาดูกันว่าหากสุดท้ายแล้วทางเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้นั้นยุติการติดต่อกันจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหรือไม่หรือจริงๆแล้วต่อให้ทั้งคู่ไม่ติดต่อกันก็ไม่ได้มีผลอะไรเลยเพราะโดยปกติแล้วทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ก็ไม่ได้มีการค้าขายกันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่และหันหลังให้แก่กันผลกระทบด้านเศรษฐกิจคงไม่เกิดขึ้นแต่ผลกระทบด้านความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวที่มีมานานก็อาจจะสบั้นลงในทันที

 

สนับสนุนโดย  sagame

แม้กระทั่งสถานศึกษาต้องติดทั่วประเทศ

เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักมากเดือดร้อนแม้กระทั่งสถานศึกษาต้องติดทั่วประเทศ

    อย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันนี้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศซึ่งปัญหานี้ยังคงต้องหาแนวทางเพื่อที่จะแก้ไขกันต่อไปในขณะเดียวกันณตอนนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ออกมาประกาศว่าให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศไทยปิดการเรียนการสอนผ่านทางการเดินทางไปเรียนที่สถานศึกษาโดยแนะนำว่าทางโรงเรียนควรจะต้องหาช่องทางการเรียนการสอนผ่านช่องทางอื่น

เช่นณตอนนี้ที่ทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ทำกันก็คือเป็นการเรียนการสอนผ่านทางระบบออนไลน์โดยนักเรียนต้องไปเรียนผ่านทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยแต่ในขณะเดียวกันในช่วงนี้เป็นช่วงที่นักเรียนปิดเทอมจึงไม่ค่อยมีผลกระทบมากนักจะมีผลกระทบสำหรับเด็กนักเรียนที่จะต้องไปทำการสอบเพื่อเข้าเรียนในชั้นม 4 หรือม 1

ซึ่งตรงนั้นเองเท่าที่ทราบมาทางกระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศการเลื่อนสอบวัดระดับชั้นเรียบร้อยแล้วและใครก็ตามที่มีการฝ่าฝืนที่กระทรวงศึกษาธิการได้มีการประกาศออกมาจะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายทันทีในขณะเดียวกันสิ่งที่เรากลัวกันอยู่ในตอนนี้ก็คือโรงเรียนหรือสถาบันที่เปิดสอนพิเศษในช่วงวันปิดเทอมซึ่งหลายๆที่แน่นอนว่าผู้ปกครองคงไม่มีใครพาลูกหลานของตนเองเป็นพิเศษในช่วงนี้ยิ่งทำให้โรงเรียนและสถาบันสอนพิเศษส่วนใหญ่ต้องปิดทำการไปนั่นหมายถึงว่าคุณครูอาจารย์พี่จะมีรายได้มาจากการสอนพิเศษในช่วงปิดเทอมนี้ก็จะไม่มีรายได้กันเลย

ดังนั้นทำให้เราต้องมานั่งทบทวนดูแล้วว่าเราควรจะรีบแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ให้เร็วที่สุดได้แล้วเพราะไม่ได้มีผลต่อปัญหาสุขภาพและต่อปัญหาของเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงปัญหาการศึกษาของเด็กๆภายในประเทศอีกด้วยซึ่งในตอนนี้สถานศึกษาส่วนใหญ่มีการปิดการเรียนการสอนแล้วและหากใครที่ยังสอบไม่เสร็จก็จะต้องมีการเลื่อนสอบออกไปจนกว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านี้ได้ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้จะหมดไป

โดยล่าสุดที่ทราบข่าวมาทางรัฐบาลมีนโยบายให้นำพระสงฆ์มาสวดมนต์ไล่เชื้อไวรัสในวันที่ 25 มีนาคมปี 2563 นี้คงต้องรอดูกันว่าวิธีการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลชุดนี้จะช่วยเหลือประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนไม่แน่ว่าเชื้อไวรัสอาจจะกลัวบทสวดมนต์รัตนสูตรแล้วพากันสลายหายไปในอากาศภายในวันที่ 25 มีนาคมนี้ก็ได้

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงๆประเทศไทยของเราก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เสียทีแต่ถ้าหากไม่มีมีอะไรเกิดขึ้นเราคงจะต้องมาดูกันเราว่าเราควรจะให้รัฐบาลชุดนี้ที่ดูแลทางเศรษฐกิจของเราดูแลทั้งสุขภาพของเราและดูแลด้านการศึกษาของลูกหลานเราควรจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame