เปลวสุริยะขนาดยักษ์

ดาวที่เราอาศัยดำรงชีวิตอยู่นี่ มีชื่อว่าดาวโลก หรือโลกนั้นเอง  โลกของเรามีสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากมาย อย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่าเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลกเลย เพราะมันยังมีสิ่งมีชีวิตที่เกิดก่อนหน้าเรา และได้สูญพันธ์ไปแล้ว และเมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนก็อาจจะสงสัยว่าแล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกตอนนี้ละ

มีโอกาสที่ตจะสูญพันธุ์หรือไม่ แน่นอนว่ามีซึ่งสาเหตุของการสูญพันธุ์  ก็มีอยู่หลายรูปแบบ เราไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร เกิดขึ้นจากอะไร แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดจากมนุษย์ด้วยแต่คงไม่มีใครโง่       เกินกว่าที่จะทำแบบนั้นหรอก แต่ถ้าทำจริงๆ เขาคงเป้นคนที่โง่เอามากๆ

เปลวสุริยะ เป็นสิ่งที่น้อยตนจะเคยได้ยิน หรืออาจจะไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ เปลวสุริยะขนาดยักษ์จากดวงอาทิตย์ และการปลดปล่อยมวลโคโรนา ได้พุ้งเข้าสู่วงโคจรของโลกเรา มันจะเผาผลาญทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด องเราซึ่งเปลวไฟจะทำให้เกิดการทำลายล้าง

โดยที่ได้มีการประมาณการเอาไว้ว่า ประสิทธิภาพในการทำล้างของมันน่าจะสูงกว่า พายุเฮอริเคนแคทรีนาถึง 20 เท่า ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 20 ปี ในการซ้อมปซมสิ่งต่างๆ ทั้งหมด คุณอาจจะคิดว่าสิ่งนี้อาจจไม่ใช่การสูญพันธ์ครั้งใหญ่   อย่างไรก็ตามได้เคยมีการตั้งทฤษฏีว่า เปลวไฟจากดวงอาทิตย์ที่ใหญ่กว่านั้น เป็นสาเหตุของการสูญพันธ์เมื่อประมาณ 12,000 ปี ที่แล้ว

โดยมีหลักฐาานที่แสดงให้เราได้เห็นว่าโลกได้สัมผัสกับรังสี UV ที่รุนแรงเป็นระยะเวลานาน  เนื่องจากว่ามีหลักฐานที่แสดงความเสียหายของชั้นโอโซน การศึกษาในปี 2017 ได้มีการระบุเอาไว้ว่า มีโฮกาสที่สุดมากที่เปลวสุริยะขนาดยักษ์จากดวงอาทิตญ์จะพุ้งเข้าสู่วงโคจรของโลกของเรา

ภายในศตวรรษหน้า หรืออีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งนักวิจัยพบว่าเปลวไฟที่รุนแรงจะเกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ทุก 20 ล้านปี หรือว่ามากกว่านั้น และก็ดูเหมือนกับว่าโลกของเรากำลังจะถึงกำหนดการทำความสะอาด และแม้ว่านักวิจัยจะให้อัตราต่อผลกระทบที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกสูญพันธ์เพียงแค่ 1ใน 1,000 เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะค้องกังวลอะไร

แต่โอกาสของผลกระทบที่จะทำลายความสามารถและศักยภาพทางด้านไฟฟ้า และเทคโนโลยีของเรานั้นอยู่ที่ 1ใน 8 ซึ่งดูเหมือนกับว่าสิ่งนี้จะทำให้มนุษย์เรากลับเข้าสู่ยุคโบราณอีกครั้งเป็นแน่แท้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเกิดจากเปลาสุริยะหรือไม่เกิด มันก็จะต้องเกิดจากอย่างอื่นอีกเหมือนเดิม  เพราะอันตรายที่อยู่นอกโลกนั้นมีอยู่มากมาย มากเกินกว่าที่เราจะสามารถห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นได้

 

สนับสนุนโดย  dewabet

กระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ได้เกิดระเบิดในชื่อรหัสว่า“ทาร์เกต67”

มิสเตอร์ สมิธ

เมื่อในปี2006สถานีอวกาศนานาชาติได้ทำการทดลองและก็ได้ปล่อยวัตถุบางอย่างออกไปจากสถานีอวกาศจากนั้นวัตถุก็ได้เข้าสู่วงโคจรของตัวมันเอง โดยได้รู้จักกันในชื่อว่า มิสเตอร์ สมิธ หรือ อีวาน อีวานอวิช  โดยในวัตถุดังกล่าวนั้นแท้ที่จริงแล้วมันได้เป็นเพียงแค่ชุดของอวกาศที่มันได้มีหุ่นอยู่ภายในและมันได้มีการติดตั้งรับสัญญาณวิทยุไว้ที่หมวก

โดยได้มีการบรรจุข้อความเสียงเอาไว้ห้าภาษาและได้ส่งเป็นสัญญาณภาพSSTVเพื่อเผยมายังโลกอีกทั้งนี้ก็ยังได้กล่าวกันอีกว่ามันจะสามารถรับฟังสัญญาณเสียงได้ที่คลื่นความถี่145.990เมกกะเฮิร์ซแต่ทว่าสัญญาณนั้นมันไม่เคยได้ถูกส่งกลับมาเลยจากนั้นทางนาซาเองก็ได้พยายามที่จะตามรอยของ มิสเตอร์ สมิธ

จากนั้นก้ได้พบว่ามันได้โคจรรอบโลกของเราก่อนที่มันจะลอยหายไปในอวกาศ ซึ่งเราได้เชื่อกันว่าในส่วนที่มันได้เป็นแบตเตอรี่นั้นได้กลายเป็นน้ำแข็งอีกทั้งกำลังในการส่งสัญญาณอาจจะแรงไม่พอที่จะส่งมาถึงโลกได้แต่ทั้งนี้ยังได้มีการยืนยันว่าได้รับสัญญาณจาก มิสเตอร์ สมิธ ในช่วงสัปดาห์ที่สองหลังจากที่ถูกปล่อยสู่อวกาศและหลังจากนั้นมันก็ยังคงโคจรรอบโลกอยู่แต่ทั้งนี้ก็ยังได้เชื่ออีกด้วยวว่าในสภาวะอวกาศจึงทำให้มันถูกเผาไหม้อยู่ในชั้นบรรยากาศในอีกหลายเดือนต่อมานั่งเอง

ลูกบอล

ในวันที่28มกราคม ปี1986กระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ได้เกิดระเบิดขึ้นหลังจากที่ทะยานขึ้นฟ้าจากชายฝั่งในรัฐฟลอริดาได้เพียง73วินาทีและตรงจุดที่ซากยานถูกเรียกในชื่อรหัสว่า “ทาร์เกต67”คลอบคลุมพื้นที่480ไมล์ทะเลความลึก370เมตรใต้มหาสมุทรแอตแลนติก นักประดาน้ำก็ได้พบกับชิ้นส่วนของยานอวกาศรวมถึงยานแคปซูลโดยสาร ซึ่งมันน่าจะทำให้นักบินได้มีชีวิตรอดชีวิตได้เพียงแค่ช่วงแรก

ในขณะที่ยังลอยอยู่บนอวกาศแต่ด้วยแรงปะทะกับผิวมหาสมุทรจึงทำให้ชิ้นส่วนและสายไฟต่างๆหลุดออกมาและได้มีเพียงไม่กี่อย่างในยานที่ยังคงอยู่ในสภาพที่ใช้การได้หนึ่งในนั้นก็คือลูกฟุตบอล ซึ่งได้เป็นเหมือนตัวแทนของนักบินอวกาศที่ได้มีชื่อว่า เอลลิสันโอนิซูกะ

โดยได้เป้นลูกบอลที่มันได้มีลายเซ็นต์ของนักกีฬาจากทีมโรงเรียนมัธยมเคลียร์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งมันได้เป็นสถานที่ที่ลูกสาวของโอนิซูกะ เคยเรียนอยู่ และเพื่อได้เป็นการระลึกถึง โอนิซูกะ ซึ่งได้เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ลูกบอลลูกนี้จึงได้ถูกนำกลับมาตั้งแสดงเอาไว้ในโรงเรียนสำหรับเรื่องราวของลูกฟุตบอลลูกนี้ก็ยังคถูกลืมเลือนไปหากลูกชายของ เชน คิมบรอฟ นักบินอวกาศนาซา ไม่ได้เข้าเรียน ที่โรงเรียนเดียวกันกับลูกของ โอนิซูกะ

 

สนับสนุนโดย  dewabet