เอสอาร์-72ได้เป็นอากาศยานที่ไร้คนขับแบบไฮเปอร์โซนิคและการทดสอบจรวดลองมาร์ช

อัลทิอุซ-เอ็ม

รูปภาพนี้ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในปี2014 เผยให้เห็นถึงเครื่องบินใบพัดปริศนาที่มันได้จอดอยู่ในรันเวย์แห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย ซึ่งรูปร่างและลักษณะของมันเหมือนกับ อัลทิอุซ-เอ็ม อากาศยานซึ่งไร้คนขับที่ได้มีการถูกพัฒนาอย่างลับๆโดยรัสเซีย ซึ่งเจ้าอัลทิอุซ-เอ็มมันได้มีน้ำหนักประมาณ5ตัน

มันได้ถูกออกแบบมาให้มีเครื่องยนต์สองเครื่องที่ได้มีหางมีลักษณะเป็นรูปตัววีมีปีกกว้าง28.5เมตร โดยทั้งตัวเครื่องได้ถูกสร้างด้วยวัสดุคอมโพสิต ซึ่งมันจะทำให้มีน้ำหนักเบาและทนทานและยังได้มีการลือกันอีกว่าได้มีการติดตั้งเทคโนโลยีในการตรวจจับขั้นสูง เพื่อใช้สำหรับในการลาดตระเวนและการจู่โจมจากรายงานอัลทิอุซ-เอ็มได้มีการบินขึ้นครั้งแรกในปี2014 แต่ก็ยังไม่ทราบได้เลยว่ามันอาจจะถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อใด

เอสอาร์-72

ในปี2018 ภาพจากกูเกิลเอิร์ธก็ได้เผยถึงอากาศยานปริศนาที่ได้อยู่ภายในบริษัทแพรทแอนด์วิทนีย์ที่ได้ตั้งอยู่ในเมืองพาล์มบีช รัฐฟลอริดา โดยลักษณะของวัตถุจะมีลักษณะมันเงา มีรูปทรงเหมือนเพชรและด้วยลักษณะแบบนี้จึงได้เชื่อกันว่ามันน่าจะมีสมรรถนะสูง โดยมันได้เป็นอากาศยานที่ไร้คนขับแบบไฮเปอร์โซนิค

ที่ได้มีความเร็วสูง ซึ่งยังได้มีการสรุปได้ว่ามันได้เป็นแบบจำลองของเครื่องบิน เอสอาร์-72 อากาศยานที่ไร้คนขับที่มันได้มีความเร็วสูงที่มันได้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทล็อคฮีดมาร์ตินทั้งนี้ยังได้มีการกล่าวถึงความสามารถของ เอสอาร์-72ว่ามันสามารถที่จะเข้าถึงเป้าหมายที่อยู่รอบโลกได้

โดยมันได้ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึง60นาทีแต่ทั้งสองบริษัทก็ได้ปฏิเสธที่จะพูดถึงวัตถุที่ปรากฏอยู่ในภาพอีกทั้งในสนามบินดังกล่าวก็ยังได้มีการรักษาในความปลอดภัยอย่างแน่หนามันจึงได้ทำให้การตรวจสอบนั้นมันจะเป็นไปได้ยาก แต่ในช่วงต้นปี2018 ทางบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน ได้กล่าวเป็นนัยว่าในตอนนี้พวกเขาได้ค้นพบวิธีในการสร้างระบบระบายความร้อนที่ได้มีประสิทธิภาพสูงได้แล้ว ซึ่งมันจะทำให้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังและมันจะสามารถใช้ในการขับเคลื่อนความเร็วสูงที่ต่อ เนื่องได้

การทดสอบจรวดลองมาร์ช

ภาพจากกูเกิลเอิร์ธภาพนี้ได้เผยถึงภาพจากศูนย์วิจัยในเมืองซีอานประเทศจีนที่ถูกบันทึกได้ในช่วงเดือนกันยายนในปี2014 จากภาพเผยถึงแสงที่ส่องสว่างาจากบริเวณอาคารที่ตั้งอยู่ภายในโรงงานราวกับว่าเกิดการระเบิดขึ้นสถานที่แห่งนั้นดูเหมือนว่าจะใช้เป็นที่เก็บจรวดขนาดใหญ่ที่ไว้ใช้สำหรับในการทดสอบขององค์การวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศของประเทศจีนยังไม่มีการยืนยันว่าจรวดใด ที่ได้มีการทดสอบไปแต่คาดว่าอาจจะเป็นจรวดลองมาร์ช5

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame88

เดินทางข้ามเวลามีอยู่จริงหรือไม่?

สำหรับเรื่องนี้มันก็ยังได้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะว่าหลายคนก็ยังได้มีความสงสัยกันอยู่หลายอย่างยกตัวอย่างเช่นอยู่ดีๆคนหายไปแล้วกลับมาในสภาพที่ปกติถ้าพูดกันสั้นๆยกตัวอย่างเป็นถ้าจะให้พูดกันง่ายๆมันก็คือทางแมชชีนทางแมชชีนมันก็คือการย้อนกลับไปในอดีตหรือการข้ามเวลาเข้าไปในอนาคต

แต่ส่วนใหญ่ที่ทฤษฎีเขาได้บอกว่าทางแมชชีนจะไม่สามารถไปในอนาคตได้จะไปได้แค่อดีตกับปัจจุบันของเราเท่านั้นซึ่งตรงนี้เราก็ยังไม่รู้เพราะว่าในตอนนั้นมันก็ยังไม่มีทางแมชชีนแต่ที่เราได้เอาทฤษฎีนี้ขึ้นมา ซึ่งการที่ว่าทฤษฎีของโลกคู่ขนาดมันได้มีอยู่จริงไหมและมันได้เกี่ยวข้องอะไรกัน

กับการข้ามเวลาหรือเปล่าบางเหตุการณ์นั้นก็ได้หลุมเข้าไปในมิมติคู่ขนาดแบบที่เขาได้เป็นข่าวกันไว้บางคนก็อาจจะบอกว่าจะเข้าไปอยู่มิติอื่นข้ามเวลาไปหรือเปล่าอย่างเหตุการณ์แรกนั้นที่มีมานานแล้ว แล้วก็ได้ไขข้อสงสัยกันออกไปคือจอนทีเธอร์เราก็ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้จักกันหรือเปล่า

บุคคลนี้ได้เป็นหนึ่งในบุคคลที่โดยกล่าวขานเมื่อประมาณ4-5ปี ที่แล้วเยอะมากเพราะว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้มีการแต่งตัวผิดแปลกไปจากชาวบ้านคนอื่นจอนทีเธอร์ก็ได้ออกมาในปี1900กว่าๆ ซึ่งในปีนั้นเราก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นปีที่การแต่งตัวมันจะเป็นแบบคุณนายผู้ชายก็น่าจะใส่สูทใส่หมวกอะไรแบบนี้

แบบต่างประเทศ ซึ่งจอนทีเธอร์ก็ได้แต่งตัวผิดแปลกไปใส่แว่นดำเสื้อยืดแขนยาวเป็นเสื้อกันหนาว ซึ่งในปี1900กว่าถามว่ามันได้มีเสื้อยืดมั้ยมันก็จะต้องมันบ้างแต่การแต่งตังกับบุคลิกแบบนั้นมันหาไม่ได้ในยุคนั้นเขาก็เลยตั้งข้อสงสัยกันว่าเขาได้ข้าวเวลามาจริงหรือเปล่า

แต่เรื่องนี้เราได้ไปสืบมาเรียบร้อยแล้วจริงๆได้มีการยืนยันข้อมูลแล้วว่าอย่างสิ่งที่เขาได้เคยกล่าวอ้างเอาไว้อันเก่าเขาได้บอกว่าซึ่งได้มีรูปภาพจัดการแสดงเมื่อในปี1940ที่ได้มีคนแต่งตัวผิดแปลกประหลาดใส่แว่นดำทรงทันสมัยแถมยังมีกล้องถ่ายรูปที่ไม่มีอยู่ในสมัยนั้นอีก

ซึ่งในปีนั้นมันไม่มีจริงๆจากนั้นเขาก็ได้ออกมาบอกอีกว่าจริงจอนทีเธอร์เขาได้ข้ามเวลามาเพื่อที่จะมาแก้ไขสิงที่ผิดพลาดในอดีตที่จะทำให้เกิดความหายนะที่เกิดขึ้นเขาได้กล่าวเอาไว้ว่าเขานั้นได้มาจากปี2036

เขาได้บอกว่าได้มีบริษัทGEได้สร้างเครื่องข้ามการเวลาได้สำเร็จแล้วและเขาต้องการที่จะย้อนกลับมาได้ปี2000เพื่ออยากมาเจอคนในครอบครัวและอยากเล่าให้คนในครอบครัวฟังว่าในปี2015มันจะมีการเกิดสงครามโลกครั้งที่3นอกจากนั้นมันก็จะมีผู้คนตายมากกว่า1/3ของโลก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  betbb

ยูจีนเซอร์นันได้ท้าทายเดินบนผิวดวงจันทร์

จากปากคำของนักบินอวกาศ

ยูจีน เซอร์นัน ไปเยือนดวงจันทร์ถึงสองครั้งกัลภารกิจอพอลโล10และอพอลโล17โดยภารกิจอพอลโล10เป็นการทดสอบขั้นตอนและระบบสำหรับลงจอดบนดวงจันทร์ก่อนที่จะเกิดภารกิจอพอลโล11ที่มีชื่อเสียงซึ่งจอดลงบนดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม1969โดยเป็นภารกิจแรกที่มนุษย์ได้เหยียบบนดวงจันทร์

ซึ่งเซอร์นันได้เคยทำการท้าทายด้วยการเดินบนอวกาศ ในภารกิจเจมิไน9โดยเขาได้กล่าวว่า “ฝุ่นบนดวงจันทร์เป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญสำหรับการสำรวจดวงจันทร์และผมก็คิดว่าเราสามารถแก้ปัญหาทางสรีรวิทยาทางกายภาพ หรือ ในด้านเครื่องจักรกลได้แต่ยกเว้นฝุ่น” เซอร์นันได้ทำการแถลงการณ์ดังกล่าวหลังภารกิจอพอลโล17ของเขา

เนื่องจากเขาได้ทดสอบเดินบนดวงจันทร์มันก็ได้เกิดฝุ่นฟุ้งไปทั่วทุกที่ ที่เขาก้าวเดินจากรูปภาพเราสามารถดูได้จากใบหน้าของ เซอร์นันจะสังเกตเห็นได้ว่าเขาดูเหนื่อยล้าและมีอาการที่พยายามหรี่ดวงตา ซึ่งทั้งหมดนี้ได้บ่งบอกถึงความเป็นนัยถึงความอ่อนเพลียและเป็นไปได้ว่า เซอร์นัน กำลังมีอาการไข้ละอองฟางอยู่

การเลียบแบบฝุ่นของดวงจันทร์

ในระดับความเป็นพิษจากฝุ่นของพื้นผิวบนดวงจันทร์ทีได้มีต่อมนุษย์และผลกระทบในระยะยาวที่แน่นอน ยังไม่ทรายได้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และชุมชน ก็ยังคงได้มีส่วนร่วมกันอย่างต่อเนื่องกับความฝันของการจะตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนดวงจันทร์แต่หลักฐานมันก็ยังมีไม่พอที่มีความเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพในการจะใช่ชีวิตนอกโลก ซึ่งเหล่านักวิทยาศาสตร์จำเป็นจะต้อง

พึ่งพาทฤษฎีข้อมูลบางส่วนในการศึกษาที่มันได้สร้างขึ้นมาและเลียนแบบองค์ประกอบเฉพาะของการสำรวจอวกาศ โดย ลอเรนซ์ยัง นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์อวกาศจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ก็ยังได้เตือนเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวกับสุขภาพว่า “นอกเหนือจากประสบการณ์จากภารกิจอพอลโลแล้ว

เราก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย” และนอกจากนี้เขายังได้เน้นอีกว่า ภารกิจที่ได้ไปยังดวงจันทร์นั้นมันไม่เคยมีการออกแบบด้วยการวิจัยทางชีวการแพทย์เลยและ นอกจากนี้ด้านตัวอย่างของฝุ่นจากดวงจันทร์ที่ติดมากับนักบินอวกาศอพอลโลนั้นก็มีไม่เพียงพอและฝุ่นที่ได้ติดอยู่ในยานเหล่านั้นมันก็ค่อนข้างที่จะไร้ประโยชน์ สำหรับที่จะทำการวิเคราะห์ทางด้านวิทยาศาสตร์หลังจากที่พวกเขาได้ไปสัมผัสกับอาการของโลก

ที่ได้เต็มไปด้วยออกซิเจนที่มีความชื้นแม้สถานีอวกาศนานาชาติได้ให้ข้อมูลเชิงลึกว่ามันจะเป็นอย่างไร หากอาศัยอยู่บนดวงจันทร์แต่ในขณะที่บนสถานี นับว่าแรงโน้มถ่วงเกือบเป็นศูนย์อีกทั้งมันยังโคจรอยู่ภายในสนามแม่เหล็กของโลกที่ช่วยป้องกันรังสีได้ซึ่งแตกต่างจากดวงจันทร์ทั้งในเรื่องของแรงโน้มถ่วงและการได้รับรังสีที่สูงกว่าสำหรับการเลียนแบบฝุ่นของดวงจันทร์ทางทีมจากมหาวิทยาลัยสโตนีบรูคได้ใช้ตัวอย่างที่คล้ายกับพื้นผิวของดวงจันทร์โดยทดสอบผลกระทบต่อเซลล์ในปอดของมนุษย์

 

สนับสนุนโดย  sagame เอเชีย

ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเดจาวู

สำหรับประวัติของเดจาวูนั้นก็ได้มีทฤษฎีที่เกี่ยวกับพลังจิต ซึ่งเดจาวูนั้นเคยถูกนับว่าเป็นพลังจิตในรูปแบบหนึ่งหรือบางคนก็ว่าได้เป็นทิพจักขุญาณหรือความรู้สึกที่ได้ใช้ตาทิพ ถ้าเอาจริงๆแล้วในตามความเชื่อเราทุกคนนั้นต่างก็ได้มีพลังจิตกันอยู่แล้วแต่ทุกคนนั้นพลังจิตจะอ่อนหรือแข็งก็จะขึ้นอยู่

แต่ละบุคคลเพราะแต่ละคนก็จะมีบุคคลที่ฝึกแต่พลังจิตด้วยการนั่งสมาธิอะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้ดวงจิตนั้นได้มีความแข็งไปกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกพลังจิตและมันก็อาจจะเห็นภาพเห็นวิญญาณหรืออาจะเห็นภาพในอนาคตที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในอันใกล้หรือเรียกสั้นๆ

ว่าถาคิในการสังเกต และในประวัติการณ์ได้มีคนถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่ามี เดจาวู ที่แข็งแก่งที่สุดและไม่มีใครที่จะสามารถเทียบได้จนถึงปัจจุบันนี้ที่ได้มีชื่อว่า นอสตารเดมุส และสำหรับทฤษฎีจักรวาลคู่ขนานซึ่งจริงๆแล้วทฤษฎีตรงนี้เป็นอะไรที่มันหน้าสนใจเป็นอย่างมากเพราะว่าเราได้ไปศึกษาข้อมูลมาแล้วเราได้รู้สึกคิดว่ามันมีความที่จะเป็นไปได้สูงแล้วถ้าเกิดว่าใครที่อยากจะดูเกี่ยวเรื่องของโลก

คู่ขนาน สำหรับทฤษฎีที่เกี่ยวกับโลกคู่ขนานได้เป็นทฤษฎีที่นักฟิสิกส์ได้คิดค้นกันขึ้นมาสมมุติว่าเรามีสองเหตุการณ์ให้เลือกว่าเราจะทำหรือว่าเราจะไม่ทำซึ่งตรงนี้มันได้เป็นสองเหตุการณ์ที่เราจะเลือกหรือไม่เลือกแล้วทีนี้เรายังได้เลือกเส้นทางหนึ่งสมมุติเราเลือกคำว่าทำและอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่ทำคุณแน่ใจมากแค่ไหนว่ามันจะไม่เกิดขึ้นถ้าลองมิติคู่ขนานมันมีอยู่จริงแล้วมันมีคนที่เราได้คิดแบบนี้

อีกคนหนึ่งเขากลับเลือกเส้นทางตรงกันข้ามคือไม่ทำ คิดง่ายๆคือ โลกแรกคิดว่าทำฉีดออกไปทางซ้าย โลกที่สองคิดว่าไม่ทำฉีดไปทางขวา ทีนี้เราก็ได้แบ่งออกเป็นสองโลกแล้วทีนี้มันก็ได้เรียกว่ามันเป็นโลกคู่ขนานแล้ว และลองมานั่งคิดดูว่าถ้าไอคนที่คิดว่าทำเขาได้มีการตัดสินใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

อีกสองทางเลือกก็แสดงว่าจะเกิดอีกสองเส้นทางว่าจะเลือกทางซ้ายหรือทางขวาแล้วถ้าสมมุติว่าไอคนที่มันได้ปฏิเสธไปในรอบแรกและมีอีกสองทางเลือกในการตัดสินใจงั้นก็แสดงว่ามันจะเกิดโลกคู่ขนานสองโลกคู่ขนานขึ้นไปเรื่อยๆจนมันไม่มีที่สิ้นสุดและสิ่งนี้มันก็ได้เป็นทฤษฎีที่มันได้เกี่ยวข้องกับคู่ขนานซึ่งหลายคนก็อาจจะงงว่าทฤษฎีตรงจุดนี้มันไปเกี่ยวอะไรกับเดจาวู

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

หลุมปริศนาใต้ทะเล

ในเดือนธันวาคมปี 2019 มีการพบพื้นที่ที่เป็นหลุมขนาดใหญ่ใต้ทะเลในบริเวณใจกลางชายฝั่งของแคลิฟอร์เนีย พื้นที่กว่า1,300ตารางกิโลเมตรใต้พื้นมหาสมุทรปรากฏหลุมปริศนากว่า5,200แห่ง โดยแต่ละหลุมก็จะมีขนาดต่างกันออกไป ซึ่งหลุมที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ175เมตร

และมีความลึกประมาณ5เมตรหลุมปริศนานี้ได้ถูกพบครั้งแรก เมื่อนักวิทยาศาสตร์จากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริการ่วมมือกับสถาบันวิจัยสัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ได้ทำแผนที่พื้นผิวของมหาสมุทรโดยใช้โซนาร์นักวิจัยได้มองปรากฏการณ์นี้

อย่างใกล้ชิดหลังจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้ถูกพิจารณาในการสร้างฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งจากนั้นทางสถาบันวิจัยได้ใช้หุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำอัตโมมัติที่ติดตั้งโซนาร์ในการตรวจสอบเพื่อให้ได้ความละเอียดสูงหุ่นยนต์ถูกส่งลงไปสิบเมตรใต้ทะเล ซึ่งเผยให้เห็นหลุมที่เรียบ

และแทบจะกลมเกือบสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังเผยถึงหลุมยิบย่อยอีกมากมายที่มีขนาดความกว้าง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ11เมตรและมีความลึกประมาณ1เมตร ซึ่งในบรรดาหลุมปริศนาทั้งหมดนี้จะมีด้านที่สูงชันและหางที่มีลักษณะเป็นทางที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทางนักวิจัยได้กล่าวว่า กระแสที่เป็นทางหรือหางของหลุมนี้มีบทบาทที่อาจจะบ่งบอกอะไรบางอย่างในขณะที่คนบางกลุ่มได้เชื่อว่าอาจจะมีบางสิ่ง

ที่มันอาจจะมุดออกมาจากหลุมเหล่านั้นก็เป็นได้หลุมที่มีขนาดเล็กมีจำนวนมากกว่าหลุมขนาดใหญ่ประมาณสามต่อหนึ่งหลุมนั่นหมายความว่ามีการตรวจพบหลุมขนาดเล็กกว่า15,000หลุม โดยหลุมเหล่านี้ยางแห่งพบขยะของมนุษย์อยู่ภายในและบางที่ก็เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล โดยปกติแล้ว หลุมบนผิวใต้ทะเลมักจะเกิดจากแก๊สมีเธนหรือของเหลวใต้ผิวดินจึงทำให้เกิดความไม่แน่นอนในก้นทะเลด้วย

เหตุนี้จึงไม่เหมาะกับการสร้างฟาร์มกังหันลมทางด้านนักวิทยาศาสตร์ ได้วิเคราะห์จากภาพและเคมีของน้ำแต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆที่สามารถบอกถึงต้นกำเนิดของหลุมได้ ชาลส์ พอลล์ นักธรณีวิทยาทางทะเลและนักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำ มอนเทเรย์เบย์ได้กล่าวว่าทั้งหลุมใหญ่

และหลุมเล็กที่เราไม่พบหลักฐานที่เกิดจากแก๊สมีเธนที่ระบายออกมา ดังนั้นข้อมูลทั่วไปที่ทำให้เกิดหลุมใต้ทะเลนั้นไม่สามารถใช้กับกรณีนี้ได้แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังมีทฤษฎีที่ยังไม่สามารถตัดออกไปได้ ซึ่งมีคำอธิบายอื่น เช่นพืชที่เราไม่รู้จักในมหาสมุทรองค์ประกอบของดิน ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวไปจนถึงความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว ซึ่งยังไม่มีใครที่สามารถใให้คำตอบที่แน่นอนได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน ดีที่สุด 2020

เมื่อประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หันหลังให้กันอย่างถาวร

เมื่อประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หันหลังให้กันอย่างถาวรจะมีผลต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหรือไม่

            ทุกคนทั่วโลกทราบปัญหาของประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ดีว่าทั้งสองประเทศ นั้นมีปัญหากันมานานแล้วซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งสองประเทศนั้นมักจะหันหลังให้แก่กันและไม่ยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนซึ่งภายหลังได้มีการพยายามที่จะหันหน้าเข้ามาคุยกันและพยายามติดต่อสื่อสารกันโดยผู้นำทั้งสองประเทศนั้น

ก็มีการนัดเจรจาพูดคุยกันเป็นระยะโดยหวังว่าจะสามารถให้ทั้งสองประเทศนั้นสามารถกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวของประเทศเกาหลีเหนือได้มีการพูดถึงเรื่องของปัญหาที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ประสบการณ์มาอย่างยาวนานได้ก็คือเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มประชาชน

บางกลุ่มที่มีการต่อต้านประเทศเกาหลีเหนือโดยก่อนหน้านี้การต่อต้านเกาหลีเหนือนั้นก็มีมานานแล้วและทางรัฐบาลเกาหลีใต้เองก็ได้มีการออกมารับปากว่าจะมีการดูแลเกี่ยวกับเรื่องของประชาชนที่ออกมาต่อต้านเกาหลีเหนือแต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ายังมีประชาชนบางกลุ่มของเกาหลีใต้นั้น

ได้ยังมีการต่อต้านเกาหลีเหนืออย่างเห็นได้ชัดโดยพวกเขามีการนำใบปลิวซึ่งรายละเอียดของใบปลิวนั้นเป็นเขียนการต่อต้านเกาหลีเหนือไปแจกจ่ายให้คนทั่วไปรวมถึงยังมีการนำสิ่งสกปรกอย่างเช่นพวกขยะต่างๆที่เข้ามาในเขตของเกาหลีเหนือทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือนั้นไม่พอใจและมีการพูดคุยกับผู้นำของเกาหลีใต้มาแล้วโดยมีการยื่นคำขาดว่าหากยังไม่สามารถควบคุมประชาชนของตนเอง

ได้นำเกาหลีเหนือเองก็จะมีการระงับการติดต่อกับทางเกาหลีใต้อย่างสิ้นเชิงแต่อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้เองประมาณสิ้นเดือนพฤษภาคมปีพศ2563 ที่ผ่านมาได้มีเอกสารที่เป็นใบปลิวซึ่งจะเป็นเอกสารการต่อต้านเกาหลีเหนือผูกติดกับลูกโป่งให้ลอยเข้าไปในพื้นที่ของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นสัญญาณที่ทำให้เกาหลีเหนือนั้นสิ้นสุดความอดทนจึงได้มีการประกาศออกมาว่าทางเกาหลีเหนือนั้น

จะยุติการติดต่อกับทางเกาหลีใต้อย่างสิ้นเชิงและแน่นอนว่าข้อมูลการประกาศนี้ถูกประกาศออกมาจากทางน้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือนั่นก็คือนางคิมโยจอง   นั่นเองอย่างไรก็ตามมีการระบุเอาไว้ว่าจะมีการยุติการติดต่อสื่อสารกับทางเกาหลีใต้ในวันที่ 9 มิถุนายนปีพศ2563 นี้

ซึ่งต้องมาดูกันว่าหากสุดท้ายแล้วทางเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้นั้นยุติการติดต่อกันจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหรือไม่หรือจริงๆแล้วต่อให้ทั้งคู่ไม่ติดต่อกันก็ไม่ได้มีผลอะไรเลยเพราะโดยปกติแล้วทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ก็ไม่ได้มีการค้าขายกันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่และหันหลังให้แก่กันผลกระทบด้านเศรษฐกิจคงไม่เกิดขึ้นแต่ผลกระทบด้านความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวที่มีมานานก็อาจจะสบั้นลงในทันที

 

สนับสนุนโดย  sagame

ฝนเลือด/Blood Rain

สำหรับฝนเลือด/Blood Rainหลายๆคนก็อาจจะงงว่ามันคืออะไรถ้าพูดตามหลักพระพุทธศาสนาฝนเลือดก็คือฝนโบกขรพรรษ ฝนเลือดนี้มันได้เป็นฝนเลือดที่มันเกิดขึ้นมาไม่ได้บ่อยครั้งและมันได้เกิดขึ้นมาบนโลกของเรามาแล้วหลายครั้งมากเพราะล่าสุดที่มันเกิดขึ้นมา

ซึ่งเราได้ไปเจอข่าวทางยุโรปที่เขาได้บอกว่ามันเกิดมาจากฝนสีแดงหรือฝนที่มันได้ตกลงมาคล้ายๆเหมือนกับสีน้ำตาลข้นไปทางแดงจนเขาเลือดว่าฝนเลือดมันเลยเป็นที่ตกใจของชาวบ้านตรงบริเวณนั้นแล้วก็ได้มีการเก็บเอาตัวอย่างมาตรวจสอบปรากฎว่าผลที่ได้ออกมามันคือ ในฝนเลือดนั้นมันได้มีเซลล์ของสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในนั้นแต่สิ่งที่มีชีวิตนั้นไม่ใช่ที่มีชีวิตที่เป็นสปีชีส์ในโลกของเรา

เขาก็เลยสรุปว่านี้มันเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ตกมาจากต่างดาวบางคนก็อาจจะบอกว่ามันเป็นฝนกดหรือเปล่าบอกเลยว่ามันไม่ใช่เขาได้ยืนยันออกมาแล้วว่ามันไม่ใช่ฝนกดตรวจออกมามันเจอเซลล์สิ่งมีชีวิตจริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกและ จากข้อมูลตรงนี้เราได้เกิด ทฤษฎีหนึ่งอันขึ้นมาแล้วทฤษฎีอีกหนึ่งอันของเรา

มันดันไปตรงกับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ซึ่งเขาได้บอกว่าอาจจะเกิดฝนเลือดในอดีตแล้วฝนเหล่านั้นจะมีสิ่งมีชีวิตปะปนกันมาด้วย ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างที่จะน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะว่าถ้าใครได้ลองไปหาข้อมูลกันจริงๆมันก็จะมีการยืนยันอยู่ว่าเคยเกิดขึ้นในอดีตตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีไดโนเสาร์เลยด้วย

และมันได้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆถึงมันจะไม่ได้เกิดขึ้นมาอยู่บ่อยครั้งแต่มันก็ยังได้มีการบันทึกการเกิดอยู่แต่ถ้าจะเอาตามความคิดของเรา เราคิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่สิ่งที่มันได้มีชีวิตอยู่บนโลกของเรามันอาจจะเกิดขึ้นโดยถูกบังคับให้เกิดหรือเปล่าเราได้คิดอยู่แบบนี้แล้วทฤษฎีนี้

ซึ่งเราได้ลองนำเอามาตีความกันว่าถ้าสิ่งที่มันมีชีวิตบนโลกของเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเองโดยตามธรรมชาติแต่มันถูกบังคับให้มันได้เกิดขึ้นมาล่ะเป็นไปได้หรือมไ่มันอาจจะเป็นหลักการเดียวกันกับการปลูกผักเพื่อเอาผลผลิตเราลองเปรียบเทียบกันว่า ถ้าหากเราลองเอาฟาร์มๆหนึ่งและมีการย่อนเมล็ดลงมา

ให้ต้นไม้ให้สิ่งมีชีวิตมันได้เจริญเติบงอกงามและวิวัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงวันหนึ่งที่วิวัฒนาการถึงจุดสูงสุดหรือมันถึงเวลาที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ววันนั้นคนที่สร้างเราขึ้นมาหรือบังคับให้เราเกิดเขาอาจจะกลับมาเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือเปล่า

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน

ทฤษฎีที่ยังสรุปไม่ได้ว่าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาได้ยังไง

สองทฤษฎีที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดจากทฤษฎีเป็นหมื่นเป็นพันที่เขาได้มีการถกเถียงกัน โดยทฤษฎีแรกเขาได้บอกว่าโลกของเรามีน้ำอยู่ใต้ผิวโลกอยู่แล้ว แต่ด้วยโลก ในตอนนั้นพื้นที่อยู่ใต้ลาวามีความหนามากบวกกับความหนาของลาวาที่มีอยู่ทั่วโลกมันเลยไม่สามารถทำให้น้ำที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกออกมาจากพื้นผิวโลกนั้น

ได้แต่มันก็ยังได้มีอยู่อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มีอุกกาบาตเข้ามาพุ่งชนโลกพอดีแล้วอุกกาบาตพวกนั้นมันก็ได้ตกไปที่บริเวณพื้นผิวที่ด้านล่างมีน้ำอยู่จนมันทำให้อุณหภูมิน้ำเริ่มมีการสูงขึ้นๆจนมันได้เกิดเป็นไอน้ำแล้วก็เกาะตัวกันจนเป็นเมฆฝนจนทำให้มีฝนตกลงมาและเกิดเป็นวัฏจักรของการเกิดน้ำนั่นเอง

ตรงนี้เขาก็เลยบอกว่าการเกิดน้ำในยุคแรกๆมันได้มาจากทฤษฎีแบบนี้และแบคทีเรียที่มันได้ติดมาจากอุกกาบาตมันก็ได้อยู่ในน้ำอยู่แล้วโดยแบคทีเรียตรงนั้นมันก็ได้ใช้เวลาเป็นแสนเป็นล้านปีในการวิวัฒนาการตัวเองเรื่อยๆจนมาเป็นพวกสัตว์ที่ไร้กระดูกพวกแมลงอะไรประมาณนี้ แต่ว่าอีกทฤษฎีหนึ่งมันก็จะมาในแนวเดียวกันเลยซึ่งมันก็จะมีความต่างกันอยู่เล็กน้อยตรงที่ว่าเขาเชื่อว่าบนโลกของเราไม่ได้มีน้ำอยู่บนโลก

ตั้งแต่แรกอยู่แล้วบนโลกของเรามีแค่ก๊าซพิษกับลาวาที่ท่วมอยู่ทั่วโลก แต่จุดกำเนิดของน้ำมันได้มาพร้อมกับแบคทีเรียนั้นก็คืออุกกาบาตที่มันได้ตกลงมายังโลกนั่นเอง ซึ่งตรงจุดนี้มันค่อนข้างที่จะน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมันได้มีหลักฐานอยู่หนึ่งอันที่สมทบคิดว่าทฤษฎีนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าทฤษฎีแรกอีก

เพราะว่าจากการสำรวจการบันทึกดวงจันทร์ของโครงการapolloเขาได้เก็บตัวอย่างบริเวณหลุมของดวงจันทร์ที่เกิดจากการชนของอุกกาบาตเล็กและน้อยนำเอามาตรวจสอบและพบว่าในเศษหินเหล่านี้มันก็ยังได้มีส่วนประกอบของน้ำอยู่ในนั้น ตรงนี้มันเลยยิ่งสมทบคิดไปว่าส่วนประกอบของน้ำมันไม่ได้มีอยู่บนโลกอยู่แล้วแต่แต่มันมากับเศษอุกกาบาตที่มันได้มาพร้อมกับแบคทีเรียนั่นเอง

และทฤษฎีที่สองนั้นเขาได้บอกเอาไว้ว่านักวิทยาศาสตร์กว่า98%เขาเชื่อว่ามันน่าจะเป็นในแบบที่สองแต่ว่ามันก็ยังได้มีการถกเถียงกันอยู่แล้วมันก็ยังไม่สามารถที่จะสรุปใจความได้อยู่ดีเพราะว่ามันได้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนแล้วก็ยังมีทฤษฎีใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีกเยอะมากแต่อีกหนึ่งหลักฐานที่ยืนยังได้เกือบร้อย%เลยว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกไม่ได้เกิดขึ้นเองตามความธรรมชาติแต่มันได้เกิดมาจากนอกโลกนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

จุดจบของสิ่งมีชีวิตและระบบสุริยะจักรวาล

สำหรับข้อมูลที่เราได้ไปศึกษาหามานักวิทยาศาสตร์ที่เขาได้ไปทำการค้นคว้าเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และการเจริญเติบโตหรือวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์กันมาเขาได้บอกว่า ดวงอาทิตย์ของเรานั้นจะขยายตัวใหญ่ขึ้นๆเรื่อยๆจนมันได้กลายมาเป็นดวงยักษ์แดงที่มีอุณหภูมิที่มากกว่าดวงอาทิตย์ที่มีอยู่ในตอนนี้ไม่ต่ำกว่า10-100เท่าและขนาดมันอาจจะใหญ่ไปกว่าเดิมมากกว่า2/3เท่ากันเลยทีเดียวเลย

และแน่นอนว่าขนาดของดวงอาทิตย์ที่มันได้ใหญ่มากขึ้นแต่ระบบวงโคจรของโลกหรือดาวบริวารต่างๆมันก็ยังได้อยู่ในรูปแบบเดิมมันก็เลยย่นระยะทางให้ดวงดาวเหล่านั้นได้อยู่ไกลกับดวงอาทิตย์ได้ใกล้มากขึ้นมันก็เลยทำให้ดวงดาวเหล่านั้นอุณหภูมิมันได้สูงขึ้นเรื่อยๆและแน่นอนว่าดาวโลกของเรานั้นมันก็ยังได้เป็นหนึ่งในดาวที่จะได้รับผลกระทบนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งความคิดตรงจุดนี้มันก็ได้มีความคิดที่มันได้แตกกันเป็นอยู่สองอย่างนั่นก็คือ

อย่างแรกเขาได้คาดการณ์กันว่า เมื่อดวงอาทิตย์ได้ถึงจุดหนึ่งที่มันได้ขยายใหญ่สุดและพลังงานพร้อมที่จะระเบิดออกมามันก็จะระเบิดออกมาจนมันได้กลายมาเป็นดวงอาทิตย์ที่เล็กลงมากว่าสองเท่าที่มันได้เป็นก้อนคล้ายกับดวงดาวแคระขาวที่มันได้ส่องสว่างและมันไม่ได้มีความร้อนอะไรมากมายแต่ความร้อนก่อนหน้านั้นมันก็ได้เผาดวงดาวอื่นๆไปปหมดแล้วมันเลยทำให้ดวงดาวอื่นๆ

ที่อยู่ในบริวารของดวงอาทิตย์นั้นมันจะกลายเป็นดวงดาวที่แห้งแร้งไม่มีน้ำไม่มีสิ่งที่มีชีวิตไม่เหลืออะไรเลยนอกจากก้อนหินเปล่าๆที่มันได้อยู่ในลักษณะของโลกนั่นเอง ส่วนกรณีที่สองอีกกรณีหนึ่งเขาไม่ได้คาดการว่าดวงดาวต่างๆที่เป็นบริวารหรือดาวโลกของเราจะถูกเผาแต่สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในช่วงที่ดวงอาทิตย์มันจะขยายตัวและมันได้ระเบิดออกมามันน่ากลัวกว่าในกรณีแรกอีกนั่นก็คือมันจะเกิดหลุมดำขนาดใหญ่

ที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและหลุมดำนั้นมันจะดูดทุกอย่างเข้าไปไม่ว่าจะเป็นดาวบริวารต่างๆรวมถึงโลกของเราเข้าไปอยู่ในหลุมดำนั้นและนั่นเองมันก็คือจุดจบของสิ่งที่มีชีวิตและระบบสุริยะจักรวาลที่เขาได้คาดกันนั่นเอง และตรงจุดนี้เราก็ยังได้พูดยำคำเดิมว่านี่มันเป็นการคาดเดาเท่านั้น

และการคาดเดาตรงนี้มันได้เป็นการคาดเดาระดับ100ล้านปีข้างหน้าหรืออีก1,000ล้านปีข้างหน้าหรืออีกล้านปีเราก็ยังไม่รู้แต่เขาได้คาดการณ์กันว่านี่มันน่าจะเป็นจุดจบที่มันน่าจะเกิดขึ้นกับโลกของเราและดวงอาทิตย์ของเราอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ถูกกฎหมาย

ดวงอาทิตย์ได้ดับลงไป มันจะมีอะไรเกิดขึ้นมาหลังจากนั้น?

สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดที่เป็นผลกระทบต่อโลกของเราหลังจากที่ดวงอาทิตย์หายไป โลกของเราจะหายสมดุลทั้งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าและเสียสมดุลทั้งวงโคจรที่เคยโคจรรอบดวงอาทิตย์ หลายๆคนก็อาจจะรู้ว่าโลกของเรานั้นมันได้เป็นดาวบริวารของดวงอาทิตย์แล้วก็โลกของเรามันได้โคจรอยู่รอบวงดวงอาทิตย์อย่างเป็นระเบียบแต่อยู่ดีๆเมื่อดวงอาทิตย์ได้หายไปหรือดวงอาทิตย์ได้ดับสูญไปวงโคจรเหล่านั้น

มันก็จะหยุดชงักลงโลกของเราที่มันเคยโคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์มันก็จะหยุดลงและมันได้กลายมาเป็นดวงดาวหรือมันได้เป็นก้อนหินที่มันได้ลอยอยู่ในอวกาศโดลที่เรานั้นไม่รู้เลยว่าเราจะลอยไปไหน ซึ่งแน่นอนแล้วว่าจากที่มันได้เคยโคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์และมันได้มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในการที่จะป้องกันทั้งอุกกาบาตป้องกันพลังคลื่นพลาสม่าหรือคลื่นต่างๆที่มันสามารถมาจากนอกโลก

ได้คลื่นแม่เหล็กเหล่านั้นที่มันได้เปรียบเสมือนโล่ป้องกันของเรามันได้หายไปและแน่นอนว่าอุกกาบาตหรืออะไรก็แล้วแต่มันก็จะมีโอกาศพุ่งเข้ามาชนโลกอีกหลายเท่า จากการณ์คาดการณ์เขาได้คาดการณ์กันว่าถ้าสนามแม่เหล็กของโลกเรามันได้หายไปหลังจากที่ดวงอาทิตย์ได้ดับสูญไปมันจะมีอุกกาบาตพุ่งเข้ามาชนโลกของเราไม่ต่ำกว่า100ลูกต่อวันแต่มันก็ยังดีที่โลกของเรามันได้มีชั้นบรรยากาศมัน

ก็จะเกิดการเผาผลาญและเกิดการเผาไหม้จนอุกกาบาตก้อนใหญ่ๆเหล่านั้นเข้ามาในโลกของเราเหลือแค่เพียงขนาดเท่ารถบรรทุกหรือขนาดตึกใหญ่ๆตึกหนึ่งแต่ความเสียหายมันก็คือระบอุกกาบาตพุ่งเข้าชนโลกมันก็คงจะเกิดให้มีความเสียหายและได้เกิดการสูญหายได้เป็นอย่างมากแน่นอน

ไม่เกิดหนึ่งเดือนสิ่งที่มีชีวิตมันก็น่าจะหมดลงไปจากโลกอย่างแน่นอนและตรงนี้มันก็คือข้อที่ได้คาดการณ์มาทั้งหมดหลังจากที่ดวงอาทิตย์มันได้ดับสูญไป ในกรณีที่ดวงอาทิตย์ไม่เกิดการระเบิดนั่นเองและตรงจุดนี้ยังได้ย้ำคำเดิมว่านี้มันคือการคาดเดาเพียงเท่านั้นและนี้มันก็ยังได้เป็นความคิดเห็นโดยส่วนน้อยที่นักวิทยาศาสตร์เขาได้เชื่อกันแต่ในความคิดเห็นตรงส่วนมากเขาไม่ได้มองว่าดวงอาทิตย์

มันจะหมดพลังงานไปในรูปแบบของการดับสูญไปและไม่ได้เกิดอะไรทั้งสิ้นแต่เขากลับมองว่าจุดจบของดวงอาทิตย์มันคือการระเบิดครั้งใหญ่จนมันได้กลายมาเป็นดาวแคระขาวที่ส่องสว่างไปพวกระบบสุริยะจักรวารก่อนที่มันจะหมดพลังงานและกลายเป็นดาวแคระดำไปนั้นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน ไฮโล